มะละกอ มหัศจรรย์ผลไม้ไทยใกล้ตัว สมัยเด็ก ๆ มีคำถามอะไรเอ่ยถามกันว่า "อะไรเอ่ย ใบหยัก ๆ ลูกรักเต็มคอ?" คำตอบก็คือมะละกอนั่นเอง แต่ถ้าเมื่อมีคนตอบได้ คนถามมักจะโวยวายว่าถ้าเธอรู้แล้ว เธอตอบทำไม? อ้าว…แล้วกัน แล้วถามทำไมถ้าไม่ให้ตอบ กติกาแบบเด็กๆ นึกแล้ว ก็ขำเพราะว่าคนถามนั้นก็ไม่ใช่ใคร แม่อบเชยนี่เองค่ะ มะละกอเป็นผลไม้ที่คุ้นเคยกันมานานมาก โดยเฉพาะแม่อบเชยมีชีวิตสัมพันธ์ กับมะละกอเรื่อยมา นับแต่แรกเกิดเลยเชียวค่ะ แม่เล่าว่า แม่เจ็บท้องจะคลอดตอนยาย กำลังจะทำส้มตำ ยายเลยต้องเก็บครกเข้าครัว พาแม่ไปโรงพยาบาล อดได้กินส้มตำ กันทั้งแม่ทั้งลูก แม่เสียดายมาก เกือบจะตั้งชื่อให้ว่า "แม่มะละกอ" เพื่อเป็นอนุสรณ์ เ หตุการณ์มารคอหอยคราวนั้นแล้วเชียว แต่มีหลายคนทักท้วง เพราะภาษาแถวบ้าน แม่อบเชยสำหรับคำว่ามะละกอนั้น เสียงมันไม่ชวนพิสมัยนัก โตเป็นสาวมา คงไม่เข้าท่าแม้หน้าตาจะสะสวย ก็ไม่น่าจะมีชายใดมาแล เดชะบุญแท้…แม่อบเชย จึงปลอดภัยจากการมีชื่อว่า "นางสาวหมากหุ่ง" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มะละกอเป็นพืชล้มลุกที่ไม่ชอบน้ำเอาเสียเลย ปลูกใกล้น้ำเมื่อไหร่ โค่นลงมาได้ ตั้งแต่ยังแต่ยังไม่โตทันที ดังนั้นจึงเจริญเติบโตได้ดีในแถบอีสานบ้านข้อยที่น้ำน้อย อยู่เสมอ มะละกอเป็นชื่อในทะเบียนบ้านพืชภาคกลางค่ะ ส่วนชื่อเล่นก็ต่างกันไป ตามภูมิภาค เช่น บักหุ่ง หรือหมากหุ่ง ก็เอิ้นกันตามสำเนียงอีสาน ส่วนบักก้วยเต๊ด ก็เป็นคำที่เปิ้นอู้กันในภาษาคำเมืองน่ะเจ๊า ส่วนลอกอก็แหลงในปักษ์ใต้ค่ะ ซึ่งทุกชื่อ ล้วนแล้วแต่หมายถึงผลไม้สีเขียว ลูกยาวรี หรืออาจจะป้อมๆ ก็มี สามารถนำมา แปลงร่างเป็นอาหารได้สารพัดชนิดนั่นเอง และที่นิยมกันอย่างสุดยอดชนิดมอบครก มอบสากทองคำกันเป็นรางวัลก็คือ "ส้มตำ" นั่นเอง และหากปล่อยลูกเขียวๆ นั้นเอาไว้ให้เหลืองและแดงก็จะกลายเป็นผลไม้ที่ได้ชื่อว่าอร่อยและมีคุณค่า ราคาไม่แพงอีกอย่างด้วย มะละกอเป็นพันธุ์ไม้ที่หากจะเรียกว่างามก็งามอย่างมีคุณค่า เพราะว่ามี ประโยชน์ตั้งแต่โคนยันปลายใบ กระทั่งน้ำยางที่กรีดออกมาก็ยังมีคุณค่าต่อการ ช่วยย่อยอาหารประเภทเนื้อได้ด้วย ใบมะละกอสดใช้ตำพอกแผลรักษาได้ทั้งแผลสด แผลเปื่อยและแมลงสัตว์กัดต่อย หากนำใบไปย่างไฟก็สามารถนำมาประคบรักษา อาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อได้ หรือนำใบไปต้มเพื่อดื่มขับปัสสาวะ ส่วนรากนั้นใช้ต้ม ดื่มขับประจำเดือนได้ และเมล็ดก็ใช้ต้มดื่มขับพยาธิ ยางดิบใช้ทาแก้พิษตะขาบ และน้ำคั้นจากผลดิบก็ยังบำรุงน้ำนมสำหรับแม่ลูกอ่อนได้อย่างดีนะคะ ส่วนยอดอ่อนเขียวๆ และเนื้อมะกอทั้งดิบและสุกนั้น มีความเป็นฮีโร่อยู่ในสงคราม มะเร็งอย่างยิ่ง เพราะมีสารเบต้าแคโรทีนซึ่งแอนติออกซิแดนท์ ที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวก่อมะเร็งได้อย่างเยี่ยมยอดชนิดที่หากสงครามมะเร็งสงบลง ย่อมได้ เ หรียญกล้าหาญแน่นอน นอกจากเนื้อมะละกอสุกนั้นจะรับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพ ภายในได้แล้ว เนื้อฉ่ำๆ เหลือง ๆ แดง ๆ นั้นยังบดแล้วทาบำรุงผิวให้สดใส ก็ได้อีกต่างหากนะคะ เมื่อรู้ถึงคุณค่าของมะละกอตั้งแต่รากจรดใบอย่างนี้แล้ว มาปลูกมะละกอ กินมะละกอกันดีกว่านะคะ เพื่อจะได้ "งามนอกงามใน" สุขภาพดีไป สวยไป หล่อไป ในเวลาเดียวกัน หากรู้ว่าเป็นมะละกอแล้วดีไปร้อยแปดประการอย่างนี้ แม่อบเชย ยอมชื่อว่า แม่มะละกอก็ดีหรอกนะคะ และหากใครสนใจอาหารที่ประกอบ จากมะละกอ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ เพราะแม่อบเชยจะมาชวนกันขุดคุ้ย ตำนาน "ปาปาย่าป๊อกป๊อก" กันค่ะ ว่าแล้วก็น้ำลายสอ ใครจะไปร่วมชิมเตรียม ล้างท้องเสียตั้งแต่อาทิตย์นี้เลยนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าแม่อบเชยไม่ชวนไม่ได้นะเจ้าคะ ที่มา thaifooddb.com/ |
วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
น่าสนใจดีจร้าเพิ้ล...
ตอบลบมีประโยชน์มากๆเลย...
ตอบลบ